Bearish Case of Crypto

Road to 500B marketcap possible?

Marketcap ของ Crypto โดยรวม ณ ปัจจุบัน

แนวโน้มของ Marketcap ถ้าดูตาม DOW Theory คือยังไม่เจอจุดกลับตัวเลยสักนิด

การซื้อเหรียญ Crypto ณ ปัจจุบันเราทำเพราะอะไร?

  • พยายามหาจุดต่ำสุด?

  • ซื้อเพราะความเข้าใจใน Innovation tech impact

  • ซื้อเพราะ Metric หรือตัวเลขเบื้องหลังกำลังเติบโต

ที่กล่าวมาด้านบนล้วนเป็นการคาดการ์ณราคาในอนาคต [Speculation] โดยหาเหตุผลหรือคุณค่ามาค้ำ ซึ้งสาเหตุหลักๆมาจาก Sentiment ในการลงทุนของเรายัง "เชื่อ" ใน Crypto

เพราะทุกคนยังเชื่ออยู่ โบ้จึงอยากช่วยให้เพื่อนๆยังเชื่อต่อไป แบบ "เตรียมพร้อมรับแรงกระแทก" โดยโบ้รวบรวม Bearish Scenario ของ Crypto ที่ลอง Re-evaluate ในช่วงที่ผ่านมา

มีการกรอง Noise ออกเพราะฉะนั้นเราจะสรุปสั้นๆ 3 TOPICS นะครับ


Institutional leverage dominoes

UST [Terra] -> 3AC -> FTX -> ???

สรุปจากรูปดังกล่าว

  1. DeFi Reaction การล่มของ UST กระชากตลาด Crypto โดยรวมลงมาถึง 50% ต่อด้วย Contagion ของ 3AC ที่เอาเงินของ Project ยิบย่อยไปยัด Anchor ตายเรียบ ลง 35%

สิ่งที่สังเกตุได้ , เพราะทุกอย่างเกิดขึ้น On-chain และ On-CEX ทั้งเงิน Treasury เงินรายย่อย, พอเป็น DeFi ทุกอย่างถล่มเร็วมาก และจะเป็นไปตามระลอกดังกล่าว

All Out User [ไม่รอดูความเสี่ยง] -> Minimize Exposure [ลดความเสี่ยง] -> Mass Exit [คนทั่วไปแบบเราๆ] -> Believer & Builder

ข้อดีของ DeFi คือ ไม่มีการยื้อเกม ใครเล่นตุกติก ใครแอบอะไรไว้ใต้พรหม ไม่สามารถยื้อเกมไว้ได้ เพราะทุกคนต้องการ "ลดความเสี่ยงหรือทำกำไรยามวิกฤติ"

  1. CeFi Reaction การล่มของ FTX กระชากตลาด Crypto โดยรวมลงไปเพียง 27% , Contagion ยังไม่ Kick-in ขนาดนั้น ซึ้ง Contagion คลื่นลูกแรกจะเป็น DApps ที่ Binance ประกาศอุ้มไปเรียบร้อย เหลือเพียง Contagion ลูกใหญ่ที่เป็น CeFi กันเอง

การล่มสลายของ FTX กระทบ CeFi เป็นอย่างมาก เพราะเขา Re-assure คนในวงใน VC & Firm กันเองว่า "ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง" ส่วนใหญ่ในวงการคริปโตจะเป็นการทำงานแบบ Networking (เครือข่าย) อยู่แล้ว โบ้จึงเชื่อว่าผลกระทบ FTX มันยังเปิดเผยไม่ครบ.

หนึ่งในวิธีตรวจสอบว่า Hot Wallet ของ Exchange (CeFi) กำลังมีปัญหา คือการจ่าย Yield ของ Stablecoin ในคลัง เพราะอยู่ๆมันจะเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ อาจเป็นเพราะกลไกที่เขาใช้กำหนด Yield นั้น นำเงินในคลังของ Hot Wallet มาใส่ลงใน Formula ด้วย

  1. CeFi Reaction #2 นี้คือจุดที่พวก CeFi เริ่มล้มกันแบบจริงจัง , เพราะ On-chain DATA ไม่มากพอให้คนประเมินผลกระทบและหนี้สินบางอย่างนั้น ไม่ได้โดน Smart Contract Liquidated

    พวกเขาจึงมีเวลายื้อเกม และ พยายามหาทางออกต่างๆนาๆ เช่นการพยายาม Raise Fund หรือรอตลาดฟื้น เพื่อให้เงินค้ำประกันของเขากลับขึ้นมาเหนือจุด Margin Call

    เราสามารถดู Case Study ของ Genesis Trading หรือ VC เจ้าอื่นๆได้ ที่เขาออกมาชี้แจงทีละนิดว่า

    ไม่ได้รับผลกระทบนะ -> เราได้รับผลกระทบนิดหน่อย -> เรากำลังแย่เลย -> เราอาจต้องล้มละลาย <- นี้แหละความ CeFi

    ปัจจุบัน DCG มีหนี้อยู่ทั้งหมด $2B โดยตัวที่เป็นปัญหาจะเป็นเจ้า Genesis , Greyscale [GBTC] แต่ DCG เองก็มีอีกหลาย บ. ที่อยู่ภายใต้การบริหารของเขา

    https://twitter.com/BarrySilbert เอง เขาก็ไม่มี Activity บน Twitter มาถึง 1 เดือนแล้ว

    ที่ไม่มี Activity ก็ไม่ใช่เรื่องดีอยู่แล้วครับ คงพยายามมองหา "Solution" หรืออาจมองว่า Move ไหน ตัวเขาเจ็บน้อยที่สุด

เราเห็นได้เลยใช่ไหมครับว่าพอเป็นเรื่อง DeFi กับ CeFi เวลาเกิดวิกฤติ ระยะเวลาที่ตลาดใช้เพื่อเละ มันจะต่างกัน.

ถ้าเรานับว่าทุกหายนะตลาดจะดิ่ง 50% หากมองจากจุดนี้ เราจะได้ที่มาของเลข 500B ที่โบ้เคยพูดมาตลอดเช่นกันครับ

ซึ้งโบ้เองก็อยากจะนับรวม Binance เข้ามาในหมวดหมู่นี้เช่นกันเพราะเขายังโปร่งใสไม่พอในเรื่องของ "หนี้สิน"


BINANCE

มาถึงเฮีย CZ กันบ้างนะครับ จะให้ไม่ยาวแล้วกัน

สิ่งที่ CZ มี คืออะไรบ้าง?

  • On-chain Treasury สูงถึง $60B+ https://portfolio.nansen.ai/dashboard/binance [ลดลงเพราะวันนี้ 17/12/2022 มูลค่าตลาดร่วง]

  • ศัตรูมากมาย FTX, Bloomberg, Kevin & Friends

  • รองรับการ Withdraw หลัก $7B ในวันเดียว [แต่มีปัญหาการ Swap USDC]

สิ่งที่ CZ ต้องพิสูจมีอะไรบ้าง

  • Withdraw Capability [ผ่านจุด FUD]

  • Liability [อันนี้ไม่เปิดเผย]

สิ่งที่ตลาดหรือฝ่ายโจมตี CZ ทำอะไรได้บ้าง

  • ปล่อย FUD เพื่อสร้างความกังวลเกี่ยวกับเงินในคลัง

ผลลัพย์คือทำให้คนถอนเงินออกเยอะมากๆ [แต่ไม่มากพอให้เจอจุดตาย ซึ้งอาจไม่มีจุดตายด้วยซ้ำ]

  • สร้างความกังวลเกี่ยวกับตลาดคริปโต เพื่อวัด Liability ของ CZ

จุดนี้เสริมนิดนึง , สิ่งที่ Binance ต่างจาก FTX คือ Binance ไม่ได้ใช้ BNB ในการ leverage การลงทุนหรือใดๆทั้งสิ้น [อันนี้ Binance เขาพูดนะ]

แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเขาพูดจริง? เพราะเขาไม่แสดงหนี้สิน

  • Let the FUD Begins

วิธีง่ายๆ ก็คือกด ราคา BNB ลงไปให้จมดิน ถ้าถึงจุดๆนึง หาก Binance ใช้ BNB ไป leverage จริง เรื่องต้องแดงออกมาแน่นอน

แล้วเขาจะกดราคา BNB ยังไง? เมื่อเขาปล่อย FUD วันก่อน Binance ก็ยังไม่ล่ม แปลว่าการเจาะจงไปที่ "Binance" อาจไม่ได้ผล แต่อาจจะเจาะจงไปที่ภาพรวมของ Crypto

อาจถึงขั้นเล่นเรื่อง DCG ให้คนเริ่มกังวลกัน [ซึ้งก็เป็นไปได้]

ในตอนนี้โบ้เชื่อว่า Binance ล่มยาก แต่ก็เชื่อเช่นกันว่า Binance มีหนี้และภาระอยู่ เช่นเงินในคลังอาจรองรับการถอนได้จนถึง $20B หลังจากนั้นอาจมีปัญหาก็เป็นได้

ในตอนนี้โบ้เชื่อว่า DCG มีปัญหาแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าจะได้ Solution ไหม


Diluted DApp & Altcoin

Bullrun ปี 2021 ถือว่าแสดงศักยภาพของ Smart contract ได้ดีมาก

ตามมาด้วยการ Fork [Copy Pasta] ที่เยอะมากเช่นกัน

ถ้าเรามองย้อนไปปี 2017 2018 ในช่วงนั้น Altcoin ทุกตัวจะพยายามหา Concept และพยายามอยู่รอดไปกับมัน

เพราะการ Maintain Concept ที่ไม่ได้ generate เงินเยอะ จึงมีค่าใช้จ่ายที่น้อยในการดูแลระบบ มันจึงอยู่รอดได้ทุกๆวันจากการจำศีลไปเรื่อยๆ แล้วค่อยๆผุดขึ้นมาตอนตลาดเขียว

เช่นตัวนี้ เพื่อนๆลอง ไถ Feed ดูครับ ลองอ่านดูว่า project ทำเกี่ยวกับอะไร มันก็เน้นขาย "Concept"

แนะนำให้ลองย้อนดูเหรียญที่โดน Binance Delist ออกไปครับ จะพอเข้าใจว่า Altcoin 2017-2018 มันมี activity ยังไง และ ทยอยตายไปยังไง

เหมือนตัว MITH ที่เพิ่งออกมางอแงกับ Binance นั้นเอง

ในปี 2021 -> 2024 เราจะเริ่มเห็น Project DApp ทยอยหายไปเรื่อยๆ หรือไม่กลับไป ATH ใน Bullrun หน้าครับ เพราะฉะนั้น อย่าจมเงินทั้งหมดกับ ALT ในปีนี้

เพราะในปี 2023,2024 จะมี innovation ใหม่ๆเกิดขึ้นอีกเยอะครับ โบ้มั่นใจมากๆ เพราะโบ้ Research เอง เจอเองหมดแล้วครับสำหรับพวก Project โหดๆที่ยังไม่ปล่อยเหรียญเลยอาจผุดมาในปี 2023-2024

ใหม่กว่าพวก Fuel Scroll นะ

TIPS : ZK won't die it will only get better

implementation ยังไปได้อีกไกล แต่การมาของ AI อาจทำให้การแข่งขัน และ innovation โครตๆๆสูง ปี 2023 รอดูเลยครับ

ทำไม DAPP 2020-2021 อาจทยอยหาย?

ให้เราจินตนาการว่า ธุรกิจหลายๆตัว เปิดขึ้นในช่วงที่มีแต่นักท่องเที่ยว พอนักท่องเที่ยวไม่กลับมาอีกแล้ว เพราะมีประเทศที่สวยกว่า ดีกว่า ธุรกิจเหล่านั้นจะไปต่อได้ยังไง?

ในช่วงตลาดขาขึ้น กำไรอื้อซ่า แต่ขาลงกำไรไม่มี และ ไม่ยอมลด Cost อีกเช่นกัน ปัจจัยนี้จะทำให้เราเห็นว่า DApp บางตัวจะเริ่มขาดสารอาหาร ไม่มีงบไปสร้าง innovation ใหม่ๆแข่งกับตัวอื่นๆ

สุดท้ายราคาก็คงยากที่จะกลับไป ATH เพราะฉะนั้นใครจริงจังในการลงทุน Crypto จะซื้ออะไรทิ้งไว้ก็ควร Research Market Fit รวมถึง Disruption ให้ดีนะครับ

เช่น Sushiswap - เป็นตัวที่พยายามขยาย Product ทำ innovation สูง แต่สุดท้ายงบบานปลายมากๆ

รูปด้านล่างคือ Furo Streaming payment คู่แข่งมีเช่น Superfluid, Ricochet DeFi, llamapay

ถ้าให้มองจุดแข่งของ Sushi ตอนนี้เริ่มมึนแล้ว ในขณะที่ตัวแม่อย่าง Uniswap ก็กำลังอิ่ม Fees และทยอยเพิ่ม Product ช้าๆ Acquire คนที่ชำนาญมาทำ Product ต่อ เช่น Genie -> NFT marketplace


TLDR

ระวัง FUD Binance การตั้งใจกดราคาเพื่อวัด Liability

จุดที่โบ้คิดว่าควร All Out Binance คือ Reserved Below 40B [Outflow 14B]

DCG กำลังเลือกว่าล้มกับไม่ล้มอันไหนคุ้มกว่ากัน เพราะเขาเป็น OG คริปโต ถ้าไม่นับเครือข่ายที่สร้างมา ตัวเขาเองก็มหาวาฬกันอยู่ละ

Altcoin 2020 กำลัง repeat การทยอยตายเหมือนในปี 2018 แต่ครั้งนี้จะตายจากการไม่มีงบสู้ หรือ แพ้ innovation ใหม่ๆ ต่างจากปี 2017 ที่ตายเพราะขาย concept แล้วจำศีล


หากอยากสนับสนุน หรือ เข้ากลุ่ม Discord สามารถกรอกแบบฟอร์มชำระเงินได้เลย ขอบพระคุณครับบ

https://forms.gle/DdCbTn24mhBBxFvB7

Loading...
highlight
Collect this post to permanently own it.
Cryptobobo logo
Subscribe to Cryptobobo and never miss a post.
#research