ตามเทรนด์จะได้ไม่ตกรถ
หนึ่งในเทรนด์ที่ได้รับความนิยมขึ้นมากในปี 2023 คือ Ordinal ที่ปรับเปลี่ยนให้ Bitcoin นั้นสามารถทำในสิ่งที่ Ethereum นั้นทำได้ และด้วยเทรนด์นี้จึงทำให้ Stacks (STX) กลายเป็นหนึ่งในโปรเจ็คและเหรียญที่เราควรจับตามอง
เหมือนที่โบ้เคยบอกไว้ ไม่จำเป็นต้องไปตั้งคำถามว่ามันจะ practical มั้ยหรือจะสู้ Ethereum ได้มั้ย เพราะสุดท้าย ถ้ามันดูจะ innovative รายย่อยก็จะใส่เงินลงมาอยู่ดี
ใครหนุนหลัง?
Stacks ถือเป็นโปรเจ็คที่มาก่อนการและได้เริ่มทำการระดมทุนตั้งแต่ปี 2014 (ยุค Bitcoin ราคา $500) โดยหนึ่งในผู้ระดมทุนชุดแรกก็จะเป็น Winklevoss Capital (พี่น้อง Gemeni) และ Digital Currency Group
และต่อมาก็ได้ทำ ICO ในปี 2017 โดยมีการเข้าร่วมจาก VC เจ้าดังๆเช่น Blockchain Capital, Fenbushi Capital, Hashkey, และ Winklevoss กับ DCG ที่กลับมาลงทุนอีกครั้ง
Performance แบบก้าวกระโดดในปี 2023
ด้วยกระแส Ordinal ที่ทำให้คนเข้ามาสนใจ ecosystem ของ Bitcoin มากขึ้น STX ถือเป็นเหรียญ Layer 1 ที่มี Marketcap เพิ่มขึ้นเป็น % มากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 83% จาก Q4 2022
ใน Q1 2023 Stacks ก็เป็น Layer 1 ที่มี % จำนวนธุรกรรมต่อวันเพิ่มขึ้นมากที่สุดในเหล่า L1 ทั้งหลาย โดยเพิ่มขึ้นกว่า 33% และเคยขึ้นไปสูงที่สุดที่ 700%
และถึงแม้ Near จะมีจำนวน Daily Active Address (จำนวนกระเป๋าที่ใช้งานต่อวัน) นำ STX เมื่อเทียบแบบปีต่อปีเพราะการเปิดตัวของโปรเจ็ค Sweat economy แต่ถ้ามองที่ไตรมาสต่อไตรมาส STX นั้นก็มี Daily Active Address เพิ่มขึ้นกว่า 34.8% ใน Q1 2023
สำหรับฝั่ง TVL ถึงแม้ Stacks จะไม่สามารถไปเทียบกับ economy king อย่าง Ethereum ได้แต่ใน Q1 2023 TVL ในฝั่งของ Stacks ก็ได้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 275%
และหนึ่งในเหตุผลก็อาจจะมาจากการที่นักลงทุนเริ่มหา Alternative ในการ Farm Yield ที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่นิยมมากกว่าในฝั่ง Ethereum
STX ยังถือเป็นเหรียญที่มี Volume เพิ่มมากที่สุดในกลุ่มเหรียญ Layer 1 โดยที่ในไตรมาส 1 ของปี 2023 ก็ได้มี Volume เพิ่มขึ้นกว่า 330% จากไตรมาสที่แล้ว
Inflation
ถึงแม้จะมีแค่ BNB และ ETH แค่สองเหรียญที่เป็นเหรียญที่มีความเฟ้อของมูลค่าติดลบ (เพราะการเบิร์นของเหรียญ) แต่ STX ก็ถือว่าเป็นเหรียญที่มีความเฟ้อน้อยที่สุดในบรรดา Layer 1 ทั้งหลาย
Staking or should I say...Stacking
ในฝั่งของ Staking ยังไงก็คงไม่มี Layer 1 ไหนที่จะสามารถล้ม Ethereum ได้ แต่ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2023 ได้มีการนำ STX ไป Stake เพิ่มขึ้นกว่า 400% เมื่อเทียบกับ Q4 2022
แต่การ Staking ของ STX นั้นต่างจาก PoS อื่นเพราะมันไม่ใช้การ Staking ที่จะได้รับ Yield เป็นตัวเหรียญที่เรา Stake ไป
แต่การ Staking หรือ Stacking ของเหรียญ STX นั้นจะให้ Yield เป็น BTC ทำให้ตัวเหรียญ STX นั้นลด Sell pressure ไปจากฝั่งนี้ได้
ซึ่ง APY ในตอนนี้ก็อยู่ที่ประมาณ 6-9% แล้วแต่แพลตฟอร์มที่เราเลือกเช่น Binance, OKX, หรือบน Hiro Wallet
สรุป
ถึงแม้กระแสในตอนนี้จะโฟกัสไปที่ Ordinal ซะส่วนใหญ่ แต่ Stacks ก็ไม่ควรเป็นโปรเจ็คที่เราจะมองข้าม
ใน 30 วันที่ผ่านมา Uncategorized Ordinal ก็กลายเป็น Collection NFT ที่มี Sales Volume แซง Pudgy Penguin, Degods, Milady, และแม้กระทั่ง Cryptopunk
ทำให้เราได้เห็นถึง Demand ที่จะทำให้ Bitcoin กลายเป็น ecosystem ที่จะสามารถรองรับ NFT และ asset เหล่านี้ให้ได้ และด้วยความจำกัดของตัว Bitcoin Network ทำให้ Stacks นั้นเข้ามาแก้ปัญหานี้ด้วยการ bridge สินทรัพย์เหล่านี้มาเช่น sBTC, sOrdinals, sBRC-20 เพื่อใช้งานต่อบน smart contract ที่เขียนด้วย Clarity
และถ้าจะหาตัวช่วยในการสร้าง application ที่จะรันบน Bitcoin Network และได้ประสิทธิภาพมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Stacks
ซึ่งเราก็ต้องรอดูว่าจะมีโปรเจ็คไหนที่จะขยายหรือมาสร้างบน Stacks เพราะสิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้จากการใช้งานบล๊อคเชนคือจะต้องมี application ที่ตรงตาม demand ของ user
Published by: duiduidui
*ขอบคุณข้อมูลจาก Messari