🟡 มุมมองจาก Jimmy Song เงิน Fiat คอยกัดกินความเชื่อ แต่ Bitcoin ทำให้เรากลับมาเป็น ‘มนุษย์’ ได้อีกครั้ง

มุมมองจาก Jimmy Song เงิน Fiat คอยกัดกินความเชื่อ แต่ Bitcoin ทำให้เรากลับมาเป็น ‘มนุษย์’ ได้อีกครั้ง

Disclaimer

บทความนี้เป็นมุมมองของ Jimmy Song นักพัฒนา Bitcoin, ผู้ให้ความรู้, ผู้ประกอบการ, และโปรแกรมเมอร์มากประสบการณ์กว่า 20 ปี  PubBit ทำหน้าที่แปลบทความของผู้เขียนมาให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน โดยไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและออกความเห็นใด ๆ ในเนื้อหาวันนี้ 

🌠Intro

🏖️ ‘หนี้สินและเงินเฟ้อทำให้เราตกเป็นทาส ระบบ Fiat ทำให้ความเชื่อที่เรายึดมั่นอย่างจริงจังหายไป แต่ Bitcoin ได้เปิดโอกาสให้เรากลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง’

🌠การยึดติดกับเงิน Fiat

🏖️ตามธรรมชาติแล้ว เงิน Fiat จะถูกลดมูลค่าลงเรื่อย ๆ ตลอดเวลา ดังนั้นผู้คนที่พอมีเงินจึงเหมือนกับถูกมัดมือชกให้ลงทุนเพื่อให้มูลค่าของเงินโตขึ้นเพื่อมาชดเชย Fiat ที่เสื่อมค่าลง  ถ้าคนที่พอมีเงินก็มักจะต้องศึกษาเรื่องหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ส่วนพวกที่รวยมากจริง ๆ ก็จะหันไปใช้บริการกองทุน VC, Private equity, และบริษัทเฉพาะทาง (SPACs)  จะเห็นได้ว่าวิธีเดียวที่ยังทำให้เราคงความมั่งคั่งในระบบเงิน Fiat ได้ก็คือการหมกมุ่นอยู่กับเงินและเข้าไปพัวพันกับทฤษฎี Cantillon effect จนทำให้เราหลงลืมความเชื่อและความต้องการที่แท้จริงไปจนหมด

🏖️สำหรับผู้คนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีแม้แต่เงินเก็บของตัวเองก็จะมีข้อเสนอ “การกู้” จากธนาครต่าง ๆ มาปล่อยให้มากมาย เรียกได้ว่าเงินกู้และเครดิตมีเตรียมให้พร้อมถึงที่ และกลุ่มคนที่หลงกลลวงเหล่านี้และกู้เงินมาก็เหมือนกับว่าได้ถูกทำให้เป็นทาสของ Fiat ไปแล้วอีกหลายปีต่อจากนี้ เผลอ ๆ อาจยาวจนชั่วชีวิต เพราะเงินเก็บที่หามาได้ก็ต้องนำไปใช้หนี้จนหมด จนไม่มีเหลือไปใช้ทำตามความฝัน

🏖️ในระบบเงิน Fiat จึงน่าเศร้าที่ผู้คนส่วนใหญ่มองเห็นเงินเป็นอันดับ 1 เสมอ ทั้ง ๆ ที่เงิน Fiat นี่ล่ะที่เป็นต้นตอหลักที่ทำให้ความหมายของชีวิตของเราค่อย ๆ เลือนรางลงไปทุกที

🌠อะไรก็ได้แค่ได้เงินมา

🏖️การที่ผู้คนมองเงินเป็นใหญ่นั้นทำให้ความเชื่ออื่น ๆ ถูกทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง  ในยุคพระคริสต์ คนเก็บส่วยและโสเภณีสามารถหาเงินได้มากที่สุดด้วยซ้ำในระบบเศรษฐกิจเดียวกัน แต่พวกเขาก็กลับถูกมองว่าเป็นเพียงแค่ชนชั้นต่ำในสังคม เพราะว่าพวกเขาได้ละเมิดสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าเงินตรา นั่นก็คือศีลธรรมและความเชื่อของคนในสังคม ซึ่งในสมัยนั้น การละเมิดกฎพวกนี้ก็เหมือนกับการลืมไปแล้วว่าคุณเคยเป็นใคร

🏖️ธรรมเนียมปฏิบัติเหล่านี้ถือเป็นเรื่องธรรมดาที่พบได้ในชุมชนส่วนใหญ่ เช่นถ้าคุณฉ้อโกง คุณอาจได้เงินมหาศาลก็จริง แต่คุณก็จะเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นเงาตามตัว เพราะการหลอกลวงและทำลายชุมชนนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อยู่แล้ว  หากแต่ปัจจุบัน การหลอกลวงเหล่านั้นมาในชื่อใหม่ที่สวยหรืออย่างคำว่า “Marketing (ทำการตลาด)” เท่านั้นเอง

🌠การเสื่อมค่าของระบบการเมือง

🏖️เงิน Fiat ทำให้พลังของชุมชนเสื่อมสภาพลงไป เพราะว่าระบบได้ทำให้ชุมชนหันไปหวังพึ่งการควบคุมจากตัวกลางมากขึ้น ขนาดกษัตริย์ที่เลวร้ายที่สุดในอดีตก็ยังไม่สามารถเข้าควบคุมเงินตราในแบบที่ธนาคารกลางทำได้ในทุกวันนี้เลยด้วยซ้ำ ปัจจุบันพวกเราทุกคนจึงเป็นเหมือนกับซอมบี้ที่ถูกปลุกขึ้นมารับใช้ระบบเงิน Fiat ของรัฐบาลกลางไปวัน ๆ

🏖️แต่ก่อนผู้คนเคยมีความเชื่อมั่นอันแรงกล้าพอที่จะเผชิญกับทุกสิ่ง โดยเฉพาะกับการถูกกดขี่ แต่พอมาดูในปัจจุบัน กลับมีแต่การต่อสู้ดินรนเพื่อแย่งเงินตราและอำนาจ การต่อสู้เพื่อความเชื่อเหมือนแต่ก่อนนั้นดูเหมือนจะสูญพันธ์ุไปจนเกือบหมด  พูดได้เลยว่าเงิน Fiat ในปัจจุบันมีอำนาจมากเสียจนมันกลายเป็นสิ่งเดียวที่ผู้คนต่างยอมต่อสู้เพื่อแย่งมันมา 

🏖️ความเชื่อต่าง ๆ ที่แท้จริงของเราถูกเก็บเข้ากรุ และถูกแทนที่ด้วยอำนาจในการพิมพ์เงิน พร้อมทั้งเรายังได้รับนิสัยที่เอาแน่เอานอนไม่ได้จากผู้นำมาด้วย  เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมสิ่งที่เราควรจะเชื่อมันเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาตามคำพูดของผู้นำ เดี๋ยวโลกร้อน เดี๋ยวสงคราม เดี๋ยวปัญหาเพศที่สาม คำตอบสั้น ๆ ก็คือแค่เพราะว่าเขาพูดได้ไปเรื่อย ๆ เท่านั้นเอง

🌠การเสื่อมค่าของระบบแรงงาน

🏖️แต่ก่อนระบบงานก็เคยมีขอบเขตของมัน แต่ตอนนี้ขนาดกลุ่มคนที่ทำงานจ่ายค่าเช่าห้องไปวัน ๆ ก็ยังถูกยอมรับและมองเป็นคนงานระดับสูง เรียกได้ว่าธนาคารที่ทำทุกอย่างเพื่อเงินกลายเป็นสถานที่ที่ผู้คนส่วนใหญ่มองว่าดีและอยากที่จะเข้าไปทำงานกัน

🏖️เรื่องนี้ยังรวมไปถึงอาชีพอื่น ๆ ด้วย เพราะเป้าหมายสูงสุดก็มีเพียงแค่ต้องไต่ระดับขึ้นไปยืนที่ชั้นบนของห่วงโซ่ให้ได้เท่านั้น  สถานะของคุณไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวตนที่คุณเป็น หากแต่ขึ้นอยู่กับเงินและอำนาจที่คุณมี  ระบบ Fiat ได้ทำให้การทำงานกลายเป็นสถานทีที่ผู้คนนำความเชื่อของตนเองไปโยนทิ้ง ทุกคนทำงานหาเงิน แต่ไม่ได้ทำงานเพื่อทำตามความฝันของตัวเองที่แท้จริง

🌠Bitcoiner กับความ Toxic ขั้นสุด (ทำไมถึงเป็นแบบนั้น)

🏖️ชุมชน Bitcoin community มักจะโหดร้ายกับสมาชิกใหม่ที่ไม่ค่อยรู้อิโหน่อิเหน่เสมอ ไม่เหมือนกับกลุ่มปกติทั่วไปที่มักจะต้อนรับกันอย่างอบอุ่น  สำหรับคนดังอย่าง Raoul Pal และ Mark Cuban อาจถูกยกย่องในการมีส่วนร่วมผลักดัน Bitcoin ในหมู่คนทั่วไป แต่สำหรับชาว Bitcoiner ตัวจริงแล้ว พวกเขาแทบไม่ให้ค่านำมาพูดถึงเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่การมีเงินเยอะหรือว่าเป็นคนดังก็ไม่สามารถเข้าร่วมกลุ่ม Toxic bitcoiner กันได้ง่าย ๆ  ของเหล่านี้ต้องใช้ความพยามยาม และแสดงออกให้เห็นว่ารู้ลึก รู้จริง

🏖️ Bitcoin มีความ Decentralized โดยแท้จริง ใครก็ตามที่พยายามเข้ามาพูดมั่วซั่วหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลมักจะถูกชุมชนตีตราว่ามีเจตนาไม่ดีไว้ก่อน และถ้าหากคุณจะเข้ามาหาความร่วมมือกับชุมชน Bitcoiner เพื่อหวังผลประโยชน์ทางธุรกิจ คุณก็จะถูกรังเกียจก่อนเลย และถูกมองว่าเป็นเหมือนกับปลิงที่มาเกาะกระแส Bitcoin

🏖️พวก Altcoiner ให้ฉายาคนกลุ่มนี้ว่า “Toxic bitcoin maximalism” แต่อย่างไรก็ตาม อุปนิสัยของคนกลุ่มนี้ถือเป็นเรื่องดีในการคงความเป็น “มนุษย์” เอาไว้  Toxic maximalism ไม่เพียงแต่รักษาความเชื่ออันบริสุทธิ์ให้ยังคงอยู่ หากแต่มันยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านระบบ Fiat อีกด้วย เพราะอุดมการณ์ของ Fiat เปลี่ยนแปลงได้ตามมูลค่าของเงินที่มี แต่อุดมการณ์ของ Bitcoiner ตัวจริงจะไม่มีใครเข้ามาเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งหัวใจหลักของความไร้ศูนย์กลาง (เช่นโหนด Bitcoin ก็จะเป็นของเราแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีจุดบกพร่องให้ใครเข้ามาติดสินบน หากเรายังคงเชื่อมั่นใน Bitcoin)

🏖️Bitcoiner มักถูกเข้าใจผิดอยู่ตลอด เพียงพราะว่าพวกเขามีความเชื่ออันแรงกล้าว่า “Bitcoin ไม่ได้มีไว้ขาย และไม่มีวันเสื่อมค่าลง”

🌠Altcoin กับการเสื่อมค่าของเหรียญ

🏖️สำหรับ Altcoin แล้ว การเสื่อมค่านั้นเกิดขึ้นไวกว่าที่คิด ตัวอย่างเห็นได้ใกล้ตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับ Erik Voorhees, Trace Mayer และ Udi Wertheimer  ในช่วงเวลาที่คุณได้ขายความเชื่อมั่นของคุณเพื่อแลกกับ Altcoin มาถือ คือช่วงเดียวกันกับที่คุณนั้นได้ถูกบังคับที่จะต้องหาเหตุผลต่าง ๆ นา ๆ มาหนุนหลังว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นถูกต้องแล้ว  คุณจะเข้าซื้อเหรียญที่ราคาแย่ลงเรื่อย ๆ และลงเอยด้วยการไปสนับสนุนโครงการที่ไร้แก่นสารมากขึ้น เพื่อเพียงแค่ว่าอย่างน้อยก็หวังว่าจะยังมีเพื่อนร่วมดอย

🏖️ยังดีที่ตอนโครงการพวกนี้ระเบิด ชื่อเสียงของพวกเขาก็พังทลายลงไปด้วย  Altcoin ทำงานคล้ายกับระบบ Fiat ตรงที่ว่ามีการเสกเงินขึ้นมา ผู้คนที่ติดตาม Altcoin จึงโอนเอนไปตามความเชื่อต่าง ๆ ได้โดยง่าย  บางทีออกแบบโครงการมาแสนห่วย แต่ก็ยังมีคนซื้อมันอยู่ดี ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ยั่งยืน ไม่ต่างอะไรกับตอนที่ SBF ออกมาแถลงสาเหตุการล่มสลายบนโซเชียลแบบสุดจะงี่เง่า

🏖️การทุ่มเงินแล้วดังเป็นพลุแตกแบบของ Altcoin ใช้ไม่ได้กับพวก Bitcoiner  ไม่ว่าเงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถซื้อความชื่นชอบหรือความเชื่อใจของ Bitcoin Maxis ได้  เรียกได้ว่า Bitcoiner ไม่ลังเลที่จะปฏิเสธคุณออกจากชุมชนเลยแม้แต่น้อยหากพยายามเข้ามาหาประโยชน์ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนดังมาจากไหนก็ตาม

🌠Bitcoin และหลักการแรกเริ่ม

🏖️Bitcoiner มีความเชื่อมั่นอันแรงกล้า และได้เรียนรู้ที่จะคิดวิเคราะห์ด้วยตัวเองเป็นหลัก ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่มีคนเข้ามาขายอะไรบางอย่าง Bitcoiner จะคอยวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนและมีข้อสรุปเป็นของตนเอง ไม่ถูกจูงจมูกได้ง่าย ๆ 

🏖️ลองหาโอกาสพูดคุยกับ Bitcoiner ตัวจริงดูแล้วคุณจะรู้ว่าพวกเขามีความเห็นต่อเรื่องต่าง ๆ ที่แข็งแกร่งมากพอ ไม่เหมือนกับคนทั่วไปที่อาจแตะแค่ผิวเผิน และนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะในระบบ Fiat ผู้คนมักพูดอะไรก็ได้เพื่อตามน้ำไปเรื่อย ๆ แต่ในระบบ Bitcoin ผู้คนจะพูดเรื่องที่พวกเขาเชื่อมั่นจริง ๆ เท่านั้น

🌠คนที่ทำงานไปวัน ๆ จะไม่มีความเชื่ออะไรเลย

🏖️อย่างไรก็ตาม ความเชื่อในระบบ Fiat ก็เป็นเพียงอีกวิธีหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่จุดจบ  ผู้คนส่วนใหญ่มีความเชื่อที่เปลี่ยนแปลงไปมาได้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน โดยจะเห็นได้ชัดกับองค์กรที่เกี่ยวพันกับ Fiat มากที่สุด อย่างสถาบันการศึกษา สื่อ รัฐบาล และกลุ่มบริษัท Venture capital  ซึ่งส่วนใหญ่ กลุ่มที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดก็คือกลุ่มที่เชื่ออะไรง่าย ๆ และลงมือทำมันเลยโดยไม่ต้องใช้เวลาคิดไตร่ตรองให้ดี 

🌠ความเชื่อยังจำเป็นที่จะทำให้ “มนุษย์” ยังเป็น “มนุษย์”

🏖️ความเชื่อคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ของมนุษย์ จึงน่าเศร้าที่ปัจจุบันเงิน Fiat ได้ทำให้ความเชื่อของผู้คนเสื่อมค่าลงไปตามความยึดติดเงิน Fiat ของบุคคลนั้น ๆ ยิ่งเราสูญสิ้นความเชื่อมากเท่าไหร่ เราก็มีความเป็น “มนุษย์” น้อยลงไปทุกที

🏖️Bitcoin ทำให้ผู้คนกลับมามีความเชื่อที่แท้จริงได้อีกครั้ง ทำให้ได้รู้ว่าเงินตราไม่ใช่เจ้านาย หากแต่เป็นผู้รับใช้ของเรา ปัจจุบันเรามี Bitcoin ที่คอยทำงานให้กับเราโดยเป็นเหมือนเทคโนโลยีที่เอาไว้เก็บออมเงินที่ไม่เสื่อมค่า ไม่เหมือนกับ Fiat ที่เป็นเหมือนเจ้านาย คอยล่ามโซ่ผู้คนด้วยสิ่งที่เรียกว่าหนี้และการโดนบังคับให้ลงทุน

🏖️ความเชื่อคือสิ่งจำเป็น และเป็นจุดเริ่มต้นของความหมายที่แท้จริงของชีวิต รวมไปถึงศีลธรรมและจุดหมายปลายทาง  น่าศร้าที่ปัจจุบันเรากำลังเห็นสิ่งเหล่านี้ถูกทำลายด้วยระบบเงิน Fiat  ก่อนจากกันไปคงจะต้องขอบคุณ Bitcoin จากใจจริง ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกมีโอกาสเลือกเริ่มเดินทางสายใหม่ ทางเดินที่มนุษยืเป็นอิสระเสรีจากระบบ Fiat โดยแท้จริง เพียงแค่เริ่มเปิดใจและเรียนรู้มันอย่างจริงจัง

🌠บทความนี้แปลมาจากโพสต์ของ Jimmy Song  ความคิดเห็นต่าง ๆ ที่มีนั้นเป็นของผู้เขียนโดยตรง ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความเห็นของ PubBit หรือ NATIV แต่อย่างใด



PubBit Thailand logo
Subscribe to PubBit Thailand and never miss a post.